


รูปที่ 12 ภาพไดอะแกรมแสดงโครงกระดูกของร่างกาย รูปที่ 13 ภาพไดอะแกรมแสดง axial skeleton ของร่างกายทั้งด้านหน้าและด้านหลัง
รูปที่ 14 ภาพไดอะแกรมแสดง appendicular skeleton ของร่างกายทั้งด้านหน้าและด้านหลัง
ข้อต่อ (Joint)
ข้อต่อเป็นตำแหน่งที่กระดูก 2 ชิ้น หรือมากกว่ามาต่อกัน ข้อต่อช่วยให้ร่างกายมีการเคลื่อนไหว
ชนิดของข้อต่อ (Kinds of joint)
การแบ่งชนิดของข้อต่อ แบ่งได้หลายวิธี
ก. แบ่งตาม degree of movement แบ่งได้เป็น 3 ชนิด
1. Synarthrosis เป็นข้อต่อทีเคลื่อนไหวไม่ได้
2. Amphiarthrosis เป็นข้อต่อทีเคลื่อนไหวได้เล็กน้อย
3. Diarthrosis เป็นข้อต่อทีเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระ
ข. แบ่งตามโครงสร้างที่อยู่ระหว่างกระดูก (intervening structure) แบ่งได้เป็น 3 ชนิด คือ
1. Fibrousjoint โครงสร้างที่อยู่ระหว่างกระดูกเป็นพวก fibrous tissue
2. Cartilagenous joint โครงสร้างที่อยู่ระหว่างกระดูกเป็นกระดูกอ่อน
3. Synovial joint โครงสร้างที่อยู่ระหว่างกระดูกเป็น synovial membrane และ synovial fluid
Contraction cycle
Step 1 Active site exposeCa2+ ที่หลั่งจาก terminal cisternae จับกับ troponin C ทำให้ troponin-tropomyosin เคลื่อนจาก active bing site ของ actin
Step2 Cross bridge attachmentMyosin head มาแตะบริเวณ active site ของ actin
Step3 Pivoting of myosin headเมื่อ cross bridge จับกับ actin จะมีการสลาย ATP ให้ ADP+Pi เมื่อcross bridge ดึง actin เข้าหา M-line ทำให้ Z-line เคลื่อนที่เข้าหากัน
Step 4 Cross bridge detachmentเมื่อมี ATP มาจับที่ myosin head จะทำให้ myosin head หลุดออกจาก active binding site ของ actin.............Step 5 Myosin reactivationATP ถูกบรรจุอยู่ใน myosin head ในรูปของ ADP+Pi (รูปที่ 8)
การคลายตัวของกล้ามเนื้อ (Relaxztion of muscle)
เมื่อ Ach ที่หลั่งมาจากปลาย axon จับกับ receptor ที่ sarcolemma ทำให้เกิด action potential เมื่อมีการคลายตัวของกล้ามเนื้อ Ach จะถูกสลายด้วย Ach E การเปลี่ยนแปลงของ membrane potential ที่ T-tubule เกิดไม่นาน Ca2+ ถูก pump กลับเข้า terminal cisternae ทำให้ไม่มี Ca2+ จับกับ troponin CTroponin-tropomyosin complex บัง active site บน actin จึงไม่เกิดการหดตัวของกล้ามเนื้อ
ชนิดของการหดตัว (type of contraction)
1. Twitch เป็นการหดตัวของกล้ามเนื้อที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว ภาพบันทึกการหดตัวจาก myogram พบว่าแบ่งระยะของ twitch contraction ได้เป็น 3 ระยะ
1. Latent period เกิดจากเวลาที่ใช้ในการปล่อย Ca2+ จาก SR และเวลา
2. Contraction period ใช้เวลาประมาณ 40 msec เป็นเวลาที่ใช้สำหรับการทำงานของ cross bridge ในการดึงใยกล้ามเนื้อให้สั้นเข้า
3. Relaxation period ใช้เวลาประมาณ 50 msec เป็นเวลาที่ใช้ขนส่ง Ca++ กลับเข้า SR (รูปที่ 10)กล้ามเนื้อแต่ละแห่งจะมีช่วงเวลาของการหดตัวทั้ง 3 ระยะแตกต่างกัน (รูปที่ 11).............
2.Wave submissionเกิดขึ้นเมื่อมีตัวกระตุ้นสองตัวมากระตุ้นกล้ามเนื้อและตัวกระตุ้นตัวที่สองนั้นส่งมาก่อนที่กล้ามเนื้อจะคลายตัวจะทำให้การหดตัวครั้งที่สองมีความสูงมากกว่าครั้งแรก เรียกปรากฏการณ์นี้ว่า Wave summation (รูปที่ 11)
3.Incomplete tetanusเมื่อนำกล้ามเนื้อน่องของกบมากระตุ้นด้วยความถี่ 20-30 ครั้ง/วินาที กล้ามเนื้อจะมีการคลายตัวได้บ้าง(รูปที่ 11)
4.Complete tetanusจากข้อ 3 ถ้าเพิ่มความถี่เป็น 35-50 ครั้ง/วินาที จะทำให้กล้ามเนื้อหดตัวค้าง (รูปที่ 11)
5.Treppeมีการเพิ่มการหดตัวสูงขึ้น หลังจากให้การกระตุ้นซ้ำในช่วงที่มีการคลายตัวของกล้ามเนื้ออย่างสมบูรณ์แล้ว (รูปที่ 11)
ชนิดของการหดตัวทางเชิงกล
1.Isometric contractionการหดตัวชนิดนี้ความยาวของกล้ามเนื้อคงที่ ตัวอย่างเช่นการใช้มือยกน้ำหนักโดยใช้กล้ามเนื้อ bicep ออกแรงดึงให้ข้อศอกงอในระยะแรกที่ยังยกวัตถุไม่ขึ้นเนื่องจากแรงของกล้ามเนื้อน้อยกว่าน้ำหนักของวัตถุ ความยาวของกล้ามเนื้อไม่เปลี่ยน แต่ความตึงจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ (รูปที่ 12)
2.Isotonic contractionการหดตัวชนิดนี้ความตึงของกล้ามเนื้อคงที่ ตัวอย่างเหตุการณ์ต่อจากข้อ 1 คือ ต่อมาเมื่อแรงตึงของกล้ามเนื้อมากกว่าน้ำหนักวัตถุแขนจะงอและยกน้ำหนักขึ้นกล้ามเนื้อจะหดสั้นเข้าการทำงานของกล้ามเนื้อในร่างกายส่วนใหญ่มักจะมีการทำงานร่วมกันระหว่าง Isometric และ Isotonic contraction (รูปที่ 12)
3.Contractureกล้ามเนื้อหดตัวค้าง เนื่องจากถูกกระตุ้นให้หดตัวถี่ๆทำให้คลายตัวไม่ได้เนื่องจากขาด ATP
รูปที่ 10 a) แสดงความแตกต่างของเวลาการเกิด twitch contraction ในกล้ามเนื้อลายแต่ละแห่ง b) แสดงเวลาการเกิด twitch contraction โดยแบ่งเป็น 3 ระยะ
แรงในการหดตัวของกล้ามเนื้อ (force of contraction) ขึ้นอยู่กับ
1.จำนวนของ motor unit และจำนวนของ muscle fiber (number of motor unit recuited number of muscle fiber stimulated) ที่ถูกกระตุ้นถ้ามีจำนวน motor unit หรือ muscle fiber มากจะทำให้แรงในการหดตัวของกล้ามเนื้อมาก
2.ขนาดของกล้ามเนื้อ (size of muscle) ถ้ากล้ามเนื้อมีขนาดใหญ่จะได้รับแรงมาก
.3.ระดับของการยืดกล้ามเนื้อ (degree of muscle stretch)
การล้าของกล้ามเนื้อ (fatique of muscle)
การล้าของกล้ามเนื้อ (Fatique of muscle) มี 2 ชนิด
1. เกิดที่ Neuromuscular junction มีสาเหตุมาจาก การสร้าง2. Ach ไม่ทันเพียง3. พอกับการทำงาน5. เกิดที่ Muscle มีสาเหตุมาจาก การเก็บสะสมของ ATP และ CP ลดลง PH ลดลงเนื่องจากการสะสมของ lactic acid Glycogen, lipid, amino acid ถูกใช้หมดไป ระบบไหลเวียนไม่สามารถนำ O2, nutrient มา supply ที่กล้ามเนื้อได้ทันต่อการใช้งานถึงแม้ว่าจะเกิดfatique แต่การออกกำลังกายอย่างหนักจะมีผลทำให้สภาพทางเคมีเปลี่ยนไปกล้ามเนื้อจึงต้องปรับสภาพให้เข้าสู่ resting stage เหมือนเมื่อก่อนออกกำลังกายโดย 1). ต้องมี O2 มาชดเชยส่วนที่ถูกใช้ไป 2). Lactic acid ที่สะสมกลับเป็น pyruvic acid 3).มีการสะสม glycogen 4). มีการสร้าง ATP และ CP 5). ตับช่วยเปลี่ยน lactic acid ที่สะสมในกล้ามเนื้อให้เป็นglycogen
การ 1-5 ต้องใช้ O2 เป็นจำนวนมาก ภายหลังออกกำลัง ร่างกายจึงต้องหายใจเอา O2 เข้าไปในร่างกายอย่างมาก เพื่อทดแทนส่วนที่ขาดในขณะเกิด anaerobic contraction เรียกปริมาณ O2 จำนวนนี้ว่า O2 debt
2.กล้ามเนื้อทนต่อภาวะ aerobic (aerobic endurance)
พลังงานได้จาก mitochondria activity โดยใช้ O2 มี CHO,lipid,amino acid เป็น substrate ซึ่งสะสมใน muscleb ทำให้กล้ามเนื้อเกิดการเปลี่ยนแปลงคือ
1.Red slow twitch ทำงานได้ดีขึ้นในสภาพ aerobic
2.Fast twitch จะเปลี่ยนเป็น intermediate fiber
3.ระบบไหลเวียนดีขึ้น
กล้ามเนื้อโต (muscle hypertrophy)
.จะมีการเปลี่ยนแปลงในโครงสร้างของกล้ามเนื้อคือ+Mitrochondria มีขนาดโตขึ้น+Glycolysis enzyme เพิ่มขึ้น+Glycolysis reserve เพิ่มขึ้น+จำนวน myofibrils เพิ่มขึ้น+จำนวน thick และ thin filament ใน myofibril เพิ่มขึ้น+จำนวน muscle fiber ไม่เพิ่มขึ้นแต่ diameter เพิ่มขึ้น เมื่อมีการหดตัวของกล้ามเนื้อทำให้ได้ tension สูงขึ้น